Pawarut Jongsirirag's Reviews > พยานไม่รู้เห็น

พยานไม่รู้เห็น by Gianrico Carofiglio
Rate this book
Clear rating

by
61775919
's review

really liked it

ไม่บ่อยเลยทีจะได้อ่านนิยายเกี่ยวกับกฎหมาย ที่คนเขียนไม่ใช่ จอห์น กริชเเชม หรือ ชีรัค

นิยายที่ดำเนินเรื่องด้วยกฎหมายที่ผมเคยสัมผัสมา เเบ่งได้เป็น 2 ประเภทครับ เเบบเเรกคือ เน้นหนักไปที่ความเป็น Thriller โดยมีกฎหมายเป็นฉากหลังในการไขความลับหรือปริศนาที่ปรากฎตอนต้นเรื่อง กับอีกเเบบคือ ทุ่มเททรัพยากรไปกับกฎหมาย การสืบสวน เเละมักจบด้วยฉากว่าความในศาล ซึ่งประเภทหลังนี้เราจะเรียกว่า Legal Thriller

พยานไม่รู้เห็นคือ นิยายในเเบบหลังครับ

เนื้อเรื่องนั้นไม่ได้เเปลกใหม่อะไรนักครับ มีคดีขึ้นมา จับผู้ต้องสงสัยได้ พระเอกของเรามาช่วยว่าความให้กับคนร้าย เพราะเชือว่าเขาคือผู้บริสุทธิ์ บลาๆๆๆๆๆ ว่ากันไป ฉะนั้นในส่วนนี้ผมจะข้ามไปเพราะไม่มีอะไรให้พูดถึงนัก

สิ่งที่อยากพูดถึงคือ กฎหมายที่ถูกเล่าอยู่ในเล่มนี้ที่ทำให้ผมนึกถึงตอนเรียนวิชานิติปรัชญา

คนมักพูดว่า "กฎหมายคือเครื่องมือในการรักษาและอำนวยซึ่งความยุติธรรม" ตอนที่ผมได้ยินประโยคนี้ครั้งเเรกสมัยที่เรียนอยู่ก็พยักหน้าตามหงึกๆ เห็นด้วยเเบบไม่มีข้อกังขาอะไรนัก เห็นด้วยว่าเป็นไปตามนั้น เเต่พอเวลาผ่านไป ได้เห็นอะไรมากขึ้น ผมก็รู้สึกว่าประโยคนี้มีอะไรให้น่าถกเถียงอยู่เหมือนกัน

ข้อนี่น่าเเลกเปลี่ยนถกเถียงคือการที่มันใช้คำว่า รักษาและอำนวย เพราะผมคิดว่าการใช้คำนี้ทำให้เรามีความคิดต่อความยุติธรรมในอีกเเบบหนึ่งที่ไม่น่าจะถูกเท่าไหร่นัก

คำว่า รักษาและอำนวย มันก่อให้เกิดสำนึกบางอย่างว่าความยุติธรรมจริงๆเเล้วมันมีอยู่เเล้ว อาจจะล่องลอยบางเบาอยู่ในอากาศ การกระทำความผิดต่อผู้เสียหาย เป็นเพียงการเข้าไปทำให้ความยุติธรรมมันหายไป ซึ่งกฎหมายจะเข้ามาในส่วนนี้ มารักษาเเละทวงคืนความยุติธรรมที่ถูกทำร้ายให้กลับคืนมาสู่ผู้เสียหายเเละสังคมดังเดิม

มันคือการเชื่อว่าความยุติธรรมมีอยู่เเล้ว ?

การเชื่อเเบบนั้นก็ไม่ผิดอะไรนะครับ เพียงเเค่ในบางจังหวะหรือเหตุการณ์บางอย่างมันอาจทำให้เวลาที่เราเห็นอะไรไม่ถูกต้องไม่ยุติธรรม เราก็อาจปล่อยมันไป เพิกเฉยชินชา เพราะคิดว่าต่อให้เราไม่ทำอะไร ยังไงก็ต้องมีใครซักคนทำอยู่ด เพราะความยุติธรรมมันมีอยู่ทุกที่เเล้ว เพียงหาใครซักคนมาดึงมันออกมาให้เห็น เเค่นี้ทุกอย่างก็เรียบร้อยดีเเล้ว

เเต่สำหรับผมซึ่งคิดว่าความยุติธรรมไม่เคยมีอยู่จริง การที่จะทำให้มันเกิดขึ้นไม่ใช้การไปคว้าลมคว้าดาวในอากาศ เเต่คือการทำมันขึ้นมาเท่านั้น หากไม่ทำอะไร ความยุติธรรมไม่มีวันลอยตามลมเเล้วโชคดี ไปลยอติดกับเหตุการร์อะไรซักอย่างที่ความอยุติธรรมกำลังทำงานอยู่

มันก็คล้ายๆกับเหตุการณ์ในเรื่องนี้ที่ อับดู โดนจับข้อหาฆ่าเด็กชายคนหนึ่งตาย ทั้งๆที่หลักฐานที่กล่าวหาเขานั้นอ่อนยวบยาบบบเสียเหลือเกิน หากในเเวบนึงของเราคิดว่าในเมื่อเขาไม่ได้ทำอะไรผิด ยังไงเขาก็ต้องได้รับการปล่อยตัว ยกฟ้องอย่างเเน่นอน เพราะความยุติธรรมมีอยู่เสมอ เเละกฎหมายคือเครื่องมือในการรักษาสิ่งนั้นไว้ อับดูของเราคงได้ไปนอนเน่าตายในคุกอย่างไม่ต้องสงสัย เเต่เมื่อกุยโด ทนายความของเราไม่คิดว่าเป็นเเบบนัน การต่อสู้เพื่อสร้างความยุติธรรมให้เกิดขึ้นจริงจึงตามมา

อย่างที่สอง ที่น่าพูดถึงซักเล็กน้อยก่อนที่ยาวเป็นหลายหย้า A4 คือ อคติที่เรามักมองไม่เห็นครับ

อคติที่เกิดขึ้นกับคนเรา เรามักมองไม่เห็น ไม่เชื่อว่าจะเกิดขึ้น เพราะเราคือผู้ที่คิดอย่างมีเหตุผลที่ถูกต้อง ทุกอย่างเป็นไปตามหลักการ อคติทำอะไรเราไม่ได้หรอก ผมบอกได้เลยว่าเพ้อหนักเเล้ว มนุษยืเรานี่เเหละครับ เเบกอคติเดินไปไม่ต่างจากอวัยวะอีกชิ้นที่ติดตัวเรามาตั้งเเต่เกิดเลย (ใครไม่เชื่อ ลองอ่านเศษฐศาสตร์พฤติกรรมได้ครับ) ซึ่งอคตินี้ถ้าเกิดกับกรณีอื่นอาจจะไม่เท่าไหร่ เเต่เมื่อมันเกิดขึ้นในกระบวนการยุติธรรม ผลที่ตามมาก็เลวร้ายมากเกินกว่าที่คิด

คนที่ทำงานในกระบวนยุติธรรมต้องคิดไว้อยู่เสมอมาว่าในการสืบหาความจริงในเหตุการณ์อะไรก็ตาม อย่าพลาดที่จะตั้งทฤษฎีหรือปักธงชัยอะไรไว้ก่อนเเล้ว เพราะผลที่ตามมาไม่ว่าเราจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม คนเรามักจะหาข้อเท็จจริง หลักฐาน เหตุผลเพื่อสนับสนุนธงที่เราตั้งไว้ก่อนเเล้ว ไม่ได้พิจารณาจากข้อเท็จจริงหรือหลักฐานเป็นตัวตั้งต้นเพื่อหาคำตอบที่หลักฐานเหล่านั้นนำพาให้เราไปถึง

หลักการนี้สำคัญมาก ยิ่งถ้าเราเชื่อมาเเต่เเรกว่าเราทำถูกเเล้ว วินิจฉัยตามหลักการเเล้วโดยไม่เคยยย้อนกลับไปพิจารณาในฐานะคนนอกเหตุการณ์ ก็ง่ายมากที่อคติของเราจะทำงานของมันอย่างเเข็งขัน

ในการสืบพยานของอับดูนั้น เราจะเห็นเลยว่ามีเเต่อคติมากมายเต็มไปหมด โดยที่คนทุกคนในกระบวนยุติธรรมต่างเชื่อไปเเล้วว่าเขาคือผู้กระทำความผิด หลักฐานที่หามาได้มาเพื่อตอบสนองหรือยืนยันว่าอับดูผิดเเน่นอน ไม่เคยมีการคิดที่เเตกต่างจากนั้น คดีปิดเเล้ว เราได้ตัวคนร้าย จับมันขังคุกตลอดชีวิตซะ

เเต่เมื่อเราคนอ่านในฐานะคนนอกมาตรวจดูหลักฐานในคดี ผมคิดว่ามันน่าจะเกิดข้อาสงสัยอะไรขึ้นบ้างว่า เเค่นี้เองเหรอวะ จะเอาคนเข้าคุกตลอดชีวิต เเค่นี้เองเหรอที่ยืนยันเเล้วว่าใครคนใดคนหนึ่งคือผู้กระทำความผิด คำถามนี้เองที่อีกครั้งครับ ทนายความของเรา กุยโด พยายามตีหลักฐานเหล่านี้ให้เเตกเเละทำให้เห็นว่ามันมีปัญหาอย่างไรบ้าง

จริงๆในเรื่องนี้มีอะไรให้พูดถึงอีกมากมายเลยนะครับ ทั้งในเเง่การเขียนที่ยอมรับว่า จันริโค คาโรฟิลโย เก่งมากในเรื่องการเขียนบทสนทนา ที่ทำให้เรื่องมันลื่นไหล บอกเล่าข้อเท็จจริงต่างๆโดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้การบรรยายยืดยาวเป็นกำเเพงตัวอักษร ทั้งๆที่สิ่งที่เขาเล่ามันคือหลักการทางกฎหมาย

เเละฉากที่น่าประทับใจอย่างฉากว่าความในช่วงสุดท้าย ผมบอกได้เลยว่า ในความเป็นจริงเดือดยิ่งกว่านี้มากครับ สิ่งที่เล่าในเล่มนี้ค่อนข้างเรื่อยๆธรรมดามาก ฝ่ายโจทก์ง่อยไปนิด ไม่งั้นคนอ่านคงได้เห็นการเฉือนคมในการว่าความที่ทำให้นิยายเล่มนี้หนาไปอีกนับ 100 หน้าได้

เเต่เพียงเท่านี้ก็เพียงพอเเล้วละครับ มันดีงามและลงตัวในงานของมันเเล้ว
12 likes · flag

Sign into Goodreads to see if any of your friends have read พยานไม่รู้เห็น.
Sign In »

Reading Progress

October 24, 2022 – Shelved
October 24, 2022 – Shelved as: to-read
June 17, 2023 – Started Reading
June 20, 2023 –
30.0%
June 20, 2023 –
70.0%
June 22, 2023 – Finished Reading

No comments have been added yet.